ประวัติความเป็นมาตลอดสองศตวรรษ
นับตั้งแต่ปี 1828 ประวัติความเป็นมาของ Maison Guerlain ร้อยเรียงขึ้นจากเรื่องราวอันโดดเด่นเป็นหนึ่งของบรรดาผลงานสร้างสรรค์ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณร่วมสมัย อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นนวัตกรรมแห่งยุคสมัย ผลงานหลายชิ้นหาได้ต่างอันใดจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และบางชิ้นถือเป็นบทอ้างอิงถึงความงามร่วมสมัยที่ยังคงมีวางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน
1828 ค.ศ.ก่อตั้ง
ปิแอร-ฟรองซัวส์-ปาสกาล เกอร์แลงเปิดบูติกแห่งแรกของตนอย่างเป็นทางการขึ้นบนถนนริโวลิใจกลางมหานครปารีสระหว่างปีค.ศ. 1828 สถานที่นี้กลายเป็นจุดนัดพบแห่งความงามสง่าอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกในวงสังคมชั้นสูงของปารีส หรือนักเดินทางผู้มั่งคั่งชาวอังกฤษ ต่างมุ่งสู่บูติกแห่งนี้เพื่อให้ได้ครีมประทินผิว, เมคอัพ และน้ำหอมไว้ในครอบครอง
1853 ถือกำเนิด BEE BOTTLE กับบริการผลงานตามสั่ง
ปิแอร-ฟรองซัวส์-ปาสกาล เกอร์แลงบรรจงออกแบบ สร้างสรรค์ Eau de Cologne Impériale (โอ เดอ โคโลแญมเปริยาล) ถวายแด่จักรพรรดินีเออเฌนี พระมเหสีแห่งนโปเลียนที่ 3 ผลงานชิ้นนี้ทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งเป็น “สุคนธกรประจำราชสำนักอย่างเป็นทางการ” เขาไว้วางใจให้ Pochet du Courval (ปอเชต์ ดู กูรวาล) โรงงานเครื่องแก้วเป็นผู้ผลิตขวดน้ำหอมประดับลายผึ้งตามตราประจำจักรวรรดิฝรั่งเศส ทวีความหรูหราด้วยงานเคลือบทองร่วมกับรายละเอียดพู่ระย้า อันได้รับแรงบันดาลใจมาจากประติมากรรมลายสลักรอบเสาอนุสาวรีย์กลางจัตุรัสว็องโดม และนี่คือจุดกำเนิดของขวดลายผึ้งหรือ Bee Bottle
1870 กำเนิดลิปสติก NE M'OUBLIEZ PAS
เอเม เกอร์แลงก่อปรากฏการณ์ระดับปฏิวัติแวดวงเมคอัพด้วย Ne m'oubliez pas (เนอ มูบลิเอซ ปาส์) ลิปสติกบรรจุปลอกรุ่นแรกที่สามารถเปลี่ยนแท่งลิปสติก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือรองรับการเปลี่ยนรีฟิลล์ได้ ความเฉียบขาดล้ำสมัยของผลงานชิ้นนี้อยู่ที่การติดตั้งนวัตกรรมปุ่มกดเลื่อนแท่งลิปสติกโดยอาศัยแรงบันดาลใจจากกลไกในเชิงเทียนเพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วต่อการหยิบลิปสติกทาปากด้วยการใช้มือเพียงข้างเดียว นี่คือวิถีใหม่แห่งเมคอัพอันกลายเป็นต้นแบบกิจวัตรความงามของผู้หญิงทั่วโลกจวบจนปัจจุบัน
1889 JICKY เปิดประตูสู่อุตสาหกรรมน้ำหอมยุคใหม่
ระหว่างกุสตาฟ เอเฟลดำเนินก่อสร้างโครงสร้างเหล็กแท่งขึ้นหอสูงตระหง่านกลางมหานครปารีส เอเม เกอร์แลงก็ให้กำเนิดผลงานท้าทายขนบนิยมแห่งวงการนามว่า Jicky ซึ่งถือเป็นน้ำหอมกลิ่นแรกที่มีการใช้หัวน้ำหอมสังเคราะห์ปรุงสูตรร่วมกับหัวน้ำหอมธรรมชาติ เป็นการรังสรรค์น้ำหอมตระกูลฟูแฌร (fougère แปลว่า “เฟิร์น” เป็นจุดเริ่มต้นของน้ำหอมตระกูลอะโรมาติก หรือตระกูลกลิ่นน้ำมันสมุนไพรในปัจจุบัน) ให้กลับมามีความสดใหม่ขึ้นอีกครั้งบนจุดบรรจบระหว่างความเย็นสดชื่น และความอบอุ่นกรุ่นอวล นอกจากจะถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสรรค์สร้างน้ำหอมแนวศิลปะ “แอ็บสแตร็ก” หรือ “นามธรรม” (หมายถึงกลิ่นสมมุติ หรือกลิ่นในจินตนาการ) Jicky ก็ยังเป็นเรื่องราวความลื่นไหลทางเพศจากการเริ่มวางจำหน่ายในฐานะน้ำหอมสำหรับสตรี แต่เป็นกลับที่นิยมใช้ในหมู่บุรุษ...จนเป็นน้ำหอมสำหรับทุกคนในปัจจุบัน
1912 L'HEURE BLEUE กับขวด “หัวใจคว่ำ”
ฌาคส์ เกอร์แลงออกแบบน้ำหอม L'Heure Bleue (เลอร เบลอ: ช่วงเวลาฟ้าพลบ) ให้แก่ลิลิ ภรรยาของเขา
ละอองไอแห่งกุหลาบหลอมรวมกับความอ่อนโยน ละมุนละไมของไอริส โดยมีไวโอเล็ตกับวานิลลาร่วมกันจุดประกายจินตนาการถึงยามฟ้าพลบ “ยังไม่ถึงราตรีแต่ก็มีดวงดาว” อันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ก่อแรงบันดาลใจให้เหล่าจิตรกรลัทธิประทับใจผู้สร้างสรรค์ผลงานหลายชิ้นซึ่งเขาสะสมไว้ในครอบครอง นอกจากความแปลกใหม่ทางแนวกลิ่น ขวดแก้วบรรจุก็สร้างความฮือฮาให้แก่วงการด้วยเช่นกันผ่านการใช้ฝาจุกครอบรูปทรงสามเหลี่ยมหัวใจคว่ำ ผลงานแยบคายเชิงเทคนิคจากช่างแก้วเจียระไนของ Baccarat (บัคคาราต์)
ค.ศ. 1914 ทำการเปิดบูติกบนถนนชองพ์เซลิเซส์
ณ เลขที่ 68 ถนนชองพ์เซลิเซส์ สกุลเกอร์แลงได้ทำการปลูกสร้างอาคารสถานส่วนบุคคลขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1914 ความตระการตาสง่างามนำมาซึ่งเกียรติภูมิเมื่อได้รับการขึ้นทะเบียนรายชื่นเป็นอนุสาวรีย์ประวัติศาสตร์มรดกแผ่นดินฝรั่งเศส (Inventaire Supplémentaire des Monuments Historiques) และในแง่ธุรกิจ บูติกแห่งนี้คือจุดเริ่มต้นการขยายอาณาจักรของ “ครอบครัว” จากปารีสออกไปจนครอบคลุมทั้งสี่มุมโลก ณ ปัจจุบัน
1919 MITSOUKO ผู้ลึกลับ
ผลงานสร้างสรรค์โดยฌาคส์ เกอร์แลง มอบกลิ่นหอมอันสะท้อนถึงกระแสความนิยมของยุคสมัยที่ยุโรปกำลังให้ความสนใจใหลหลงในดินแดนอาทิตย์อุทัย
Mitsouko (มิตซูโกะแปลว่า “ความลึกลับ”) เป็นน้ำหอมตระกูลกลิ่นผสมหรือ chypre (ชีพเพรอ) ซึ่งฌอง-ปอล เกอร์แลงกล่าวถึงน้ำหอมระดับตำนานนี้ว่า “ให้กลิ่นชวนฝันเหมือนผิวกายสตรี”
1925 SHALIMAR ตัวแทนความรักอมตะ
ผลงานความสำเร็จชิ้นสำคัญ และยิ่งใหญ่ที่สุดของฌาคส์ เกอร์แลง ผู้ตั้งชื่อน้ำหอมตามสวน “ชาลิมาร์” ซึ่งในภาษาสันสกฤตแปลว่า “วิหารแห่งความรัก” อนุสรณ์สถานแห่งความรักอมตะที่จักรพรรดิชาห์ จะฮานปลูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงมเหสีมุมตัส มาฮาลผู้ล่วงลับ
ท่ามกลางความสดชื่นของมะกรูดกับกลิ่นหอมหวานเย้ายวนของวานิลลา หัวใจของเนื้อกลิ่นตระกูลอำพันตะวันออกคือหนึ่งบทปฏิวัติวงการน้ำหอม และสืบทอดตำนาน “ความเป็นเกอร์แลง” เช่นเดียวกับงานออกแบบขวดสุดหรูหราโดยเรย์มองด์ เกอร์แลง เจ้าของฐานขวดทรงแท่นรองจำลองแบบมาจากรูปทรงอ่างน้ำพุประดับสวนแห่งราชวงศ์โมกุล
1939 ก่อตั้งสถาบันความงาม GUERLAIN INSTITUTE
สถาบันความงาม Guerlain Beauty Institute ได้เปิดทำการบนพื้นที่ชั้นหนึ่งภายในตัวอาคารเลขที่ 68 ถนนชองพ์เซลิเซส์เมื่อปีค.ศ. 1939 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสถาบันความงามรุ่นแรกของโลกที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อมอบบริการปรนนิบัติผิวแนวคิดใหม่ อีกทั้งยังได้รับการยกย่องให้เป็นผู้บุกเบิกศาสตร์ “ความงามแบบองค์รวม” อันหมายถึงความงามจากภายนอกก่อกำเนิดจากความสุขภายใน และในทางกลับกัน ความสุขในจิตใจก็เป็นผลจากความงามภายนอก โดยอาศัยชั้นเชิงทางเทคนิคผสานศิลปะแห่งการปรนนิบัติความงามอันคำนึงถึงความสุขทางประสาทสัมผัส
สามนักออกแบบฟรองค์-จาโกเม็ตติ-เบรารด์ ได้ร่วมกันรับผิดชอบรายละเอียดตกแต่งภายในให้แก่สถานที่สุดหรูแห่งนี้
1950 ÉMULSION D'AMBROISIE เซรัมสูตรแรก
ในปีค.ศ. 1950 Guerlain สรรค์สร้างเซรัมสูตรแรกขึ้นโดยอาศัยส่วนผสมปฏิบัติการนานาชนิดในปริมาณเกินพิกัดกว่าผลิตภัณฑ์ถนอมผิวทั่วไปของยุคนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า Émulsion d'Ambroisie (อีมูลซิยง ดอมบรัวซี) เป็นผู้บุกเบิกผลิตภัณฑ์ถนอมผิวกลุ่มเซรัม เนื้อฟลูอิดแบบใหม่ ให้สัมผัสบางเบา ซึมซาบอย่างรวดเร็ว มอบความรู้สึกหรูหรา ได้รับความชื่นชอบ และเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่องมาเกือบ 50 ปีก่อนยุติการวางจำหน่ายลงเมื่อปี 1997
1965 HABIT ROUGE
นอกจากความรักที่มอบให้แก่ผู้หญิงทั่วโลกผ่านบรรดาผลงานสร้างสรรค์อันงดงามอย่างที่สุด ฌอง-ปอล เกอร์แลงก็มีภาษา “Guerlain” ให้กับผู้ชายทั้งหลายด้วยเช่นกันดังปรากฏใน Habit Rouge (“อาบีต์ รูจ” แปลว่าเสื้อผ้า/เครื่องแต่งกายสีแดง) เมื่อปีค.ศ. 1965 น้ำหอมตระกูลอำพันตะวันออกกลิ่นแรกสำหรับผู้ชาย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องแต่งกายของนักขี่ม้า หนึ่งในการกีฬาที่คนสกุลเกอร์แลงชื่นชอบ
1984 TERRACOTTA แต่งผิวอาบตะวัน
ด้วยแรงบันดาลใจจากการเดินทางสู่ศูนย์กลางทะเลทราย ในปีค.ศ. 1984 Guerlain ได้วางจำหน่าย Terracotta แป้งแต่งหน้าระดับตำนานที่มอบประกายเปล่งปลั่งดั่งผิวสุขภาพหลังผ่านการอาบแดดมาอย่างงดงาม แต่ละเฉดสีล้วนได้รับการออกแบบให้กลมกลืนกับทุกโทนผิวได้อย่างแนบเนียน ดูเป็นธรรมชาติ เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนเผยผิวเปล่งประกายคล้ายผ่านการอาบแดดได้ตลอดทั้งปีจนกลายเป็นจุดเริ่มต้นกระแสความนิยมเมคอัพแต่งผิวสีแทน หรือ “ผิวอาบตะวัน” ขึ้นในระหว่างทศวรรษ 1980
ด้วยฐานะผู้บุกเบิกบรอนเซอร์แต่งผิวสีแทนสุกสกาวเป็นเงางาม Terracotta ยังคงเป็นหนึ่งในกลเม็ดความงามชั้นเลิศแห่ง Maison Guerlain ซึ่งถูกส่งผ่านจากแม่สู่ลูกมายาวนานกว่าสี่สิบปี
1987 MÉTÉORITES
“สัญลักษณ์แห่งความวิจิตรบรรจงประจำ Guerlain” คือความหมายตามคำโปรย "Guerlain's signature refinement" ในงานโฆษณาตลอดทศวรรษ 1990 นี่คือแป้งแต่งหน้าระดับปฏิวัติวงการโดยอาศัยกรรมวิธีแป้งฝุ่นอัดแข็งเป็นเม็ดกลมเหมือนไข่มุกต่างสีสันเลียนแบบกลไกแถบสีในสายรุ้งก่อประกายสว่างเลือนอำพรางริ้วรอยข้อบกพร่อง ทวีความกระจ่างสดใสให้เมคอัพแต่งผิว ดูเปล่งปลั่งสุกสกาวราวประดับแสงจาก “ฝนดาวตก” อันเป็นที่มาของชื่อผลิตภัณฑ์ นอกจากความหรูหราของการปรุงสูตรร่วมกับหัวน้ำหอมกลิ่นไวโอเล็ต กล่องบรรจุยังได้รับแรงบันดาลใจจากตลับแป้งฝุ่นทรงกลมของพระนางแคทเธอรีน เดอ เมดิซี กฤตยาราชินีแห่งฝรั่งเศส
Météorites (เมเตโอริตส์) คือตัวแทนความเป็นเลิศในการใช้ไหวพริบพลิกแพลงทักษะความชำนาญเฉพาะด้านของ Maison Guerlain ซึ่งสืบทอดสู่กันระหว่างช่างศิลป์จากรุ่นต่อรุ่นผ่านการฝึกฝนอันละเอียดอ่อน พิถีพิถันอย่างยาวนาน
1994 GUERLAIN ก่อตั้ง COSMETIC VALLEY
Maison Guerlain มีส่วนสำคัญในการก่อตั้ง Cosmetic Valley หรือชุมชนนิคมอุตสาหกรรมเครื่องสำอางฝรั่งเศส ซึ่งฌอง-ปอล เกอร์แลงเป็นผู้ริเริ่ม
ปัจจุบัน นิคมอุตสาหกรรมอันมีประวัติความเป็นมายาวนานแห่งนี้ ประกอบไปด้วยพื้นที่ชุมชนผลิตเครื่องสำอางสองแห่ง ซึ่งล้วนบุกเบิก และดำเนินกลยุทธ์การผลิตตามนโยบายเพื่อความยั่งยืนจนกลายเป็นต้นแบบอ้างอิงให้แก่ศิลปะการผลิตน้ำหอมชั้นสูง, ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางชั้นสูง, ความรู้ ความเข้าใจ และนวัตกรรมด้านความงาม
1995 ALPHABELLA
Alphabella (อัลฟา เบ็ลลา) เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางรุ่นแรกของ Maison Guerlain ซึ่งอาศัยงานออกแบบขวดบรรจุคู่ประกบเพื่อมอบความสดใหม่ในแต่ละครั้งที่ใช้เสมือนเป็น “ค็อกเทลตำรับฟื้นบำรุงความงามผิวสูตรแรก ที่ให้สัมผัสสดชื่น พร้อมเติมเต็มทุกความต้องการทางสภาพผิว” จากการลำเลียง AHAs (alpha- hydroxy acids) ออกมาหลอมรวมเข้ากับครีมบำรุงความชุ่มชื่น บรรเทาอาการระคายเคืองของผิวพรรณ
2006 บริการปรุงน้ำหอมตามสั่งของ GUERLAIN ศิลปะล้ำค่าดุจงานเครื่องประดับชั้นสูง
Maison Guerlain เป็นบริษัทน้ำหอมแห่งแรกที่มอบบริการปรุงสูตรน้ำหอมตามสั่ง (bespoke service) อันถือเป็นจุดสุดยอดของ “ศิลปะสุคนธกรรมชั้นสูง” แต่ละผลงานสร้างสรรค์ล้วนเต็มไปด้วยความหรูหราชวนฝัน และช่างอัศจรรย์ราวกับเป็นจิตรกรรมภาพเหมือนบุคคลจากทักษะความชำนาญเหนือชั้นร่วมกับความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัดของสุคนธกร หรือนักออกแบบผู้ปรุงน้ำหอมของเรา
น้ำหอมแต่ละกลิ่นที่ได้รับการปรุงสูตรตามความต้องการของลูกค้าเฉพาะราย ล้วนมีเอกลักษณ์เป็นหนึ่งเดียวในโลก บ่งบอกถึงบุคลิกเฉพาะตัวของผู้เป็นเจ้าของ หรือผู้สั่งทำ และมีการจดบันทึกเก็บไว้ตลอดไปอยู่ในตำรับสูตร Guerlain Book of Formulas
2006 อานุภาพความงามแห่งกล้วยไม้
ค.ศ. 2006 คือปีที่คนทั้งโลกได้พบกับ Orchidée Impériale คอลเลกชันผลิตภัณฑ์ถนอมผิวชั้นสูงครบวงจร ซึ่งเต็มไปด้วยความพิเศษเหนือชั้นอย่างไม่เคยมีปรากฏมาก่อน นี่คือผลลัพธ์จากการศึกษาวิจัยเป็นเวลานานถึงเจ็ดปีโดยแผนกวิจัย Guerlain เพื่อไขทุกความลับของกล้วยไม้ พืชดอกอันแข็งแกร่ง มีอายุยืนยาวกว่าสายพันธุ์อื่น สำหรับนำมาพัฒนาสูตรเครื่องสำอางหลอมรวมโมเลกุลปฏิบัติการสกัดจากกล้วยไม้สี่สายพันธุ์เจ้าของประสิทธิภาพเหนือชั้นต่อการรับมือกับทุกริ้วรอยแห่งวัยทางสภาพผิว
ปี 2009 เคสอัญมณีกระจกคู่ ROUGE G
สิปสติก Rouge G แบบ “ติดทนนาน” ที่คิดค้นขึ้นในปี 1954 ได้รับการเปลี่ยนโฉมใหม่ในปี 2009 โดยช่างอัญมณี Lorenz Bäumer เมื่อกระจกคู่ที่มีในตัวได้เปลี่ยนเป็นเคสอัญมณีเป็นแอคเซสเซอรี่ ในปี 2018 เคสนี้ได้กลายเป็นคู่หูที่สามารถปรับแต่งได้ และได้รับการออกแบบใหม่อีกครั้งเป็นเคสสีทองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในปี 2024 ชิ้นงานที่สามารถรีฟิลได้นี้ได้รับการออกแบบใหม่ตลอดหลายฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้กลายเป็นสิ่งที่ยากเกินห้ามใจสำหรับนักสะสม
2010 วิทยาศาสตร์กับแมลงผึ้ง
Abeille Royale คือตำนานอันถือกำเนิดจากวิทยาศาสตร์กับแมลงผึ้ง แผนกวิจัย Guerlain ได้ค้นพบความคล้ายคลึงกันระหว่างคุณสมบัติในการเยียวยาจากผลผลิตต่างๆ ของผึ้ง และกลไกการซ่อมแซมส่วนสึกหรอ บรรเทาความเสียหายด้วยตัวเองทางสภาพผิวหลังดำเนินงานศึกษาอย่างต่อเนื่องถึงสิบสองปี
Guerlain ได้สร้างสรรค์สูตรผสมน้ำผึ้งทรงคุณสมบัติพิเศษเหนือชั้นร่วมกับน้ำนมผึ้งสำหรับใช้เป็นหัวใจสำคัญของคอลเลกชันผลิตภัณฑ์ถนอมผิวลดริ้วรอยแห่งวัยด้วยประสิทธิภาพเฉพาะทางโดยอาศัยวิทยาการล้ำสมัย BlackBee Repair technology เพื่อฟื้นบำรุงสภาพผิว อำนวยต่อการดำเนินกระบวนการซ่อมแซมส่วนสึกหรอ เยียวยาความเสียหายด้วยตัวเองตามธรรมชาติของผิวพรรณ จึงเท่ากับช่วยชะลอการก่อตัว และฝังตัวของริ้วรอยย่น ลดภาวะหย่อนคล้อยทางสภาพผิวจากภายใน
2017 GUERLAIN ดำเนินนโยบายงานออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ
ค.ศ. 2017 ถือเป็นจุดเปลี่ยนนโยบายการผลิตของ Maison Guerlain โดยมุ่งสู่ผลลัพธ์เพื่อความยั่งยืน เริ่มจาก Orchidée Impériale Cream ซึ่งมีการรังสรรค์กระปุกบรรจุรุ่นใหม่ ลดปริมาณการใช้แก้วลง 60% อันอำนวยต่อการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 58% นับจากนั้น “การลด” ก็กลายเป็นหนึ่งในคำนิยมสำหรับงานออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ในปี 2021 Guerlain ได้รังสรรค์ศิลปะแห่งการมอบของขวัญขึ้นใหม่ด้วยงานออกแบบกล่องบรรจุอันเรียบง่าย ไร้รายละเอียดปลีกย่อยส่วนเกิน ทว่ายังคงความหรูหราสง่างามเหมือนเช่นเคย
2021 วันผึ้งโลกครั้งแรกของ GUERLAIN
องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่ 20 พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันผึ้งโลก หรือวันผึ้งสากล (World Bee Day) เพื่อตอกย้ำถึงความสำคัญ และจำเป็นในการปกป้อง อนุรักษ์แมลงผึ้ง ซึ่ง Guerlain ได้เข้าร่วมเป็นองค์กรหนึ่งที่ร่วมดำเนินภารกิจภาพรวมของวันสำคัญนี้มาตั้งแต่ปี 2021 นั่นก็คือบริจาคเงินกองทุนถึงหนึ่งล้านยูโรเมื่อปี 2021 สำหรับขับเคลื่อนการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ตามโครงการ "Guerlain for Bees" ให้ลุล่วงอย่างรวดเร็ว วันผึ้งโลกได้แสดงให้เห็นถึงพันธกิจมุ่งมั่นของ Maison Guerlain รวมถึงการสนับสนุน และช่วยเหลือจากหนึ่งในพันธมิตรขององค์กรนั่นก็คือแอนเจลินา โจลี ภาพถ่ายของเธอโดยริชาร์ด อาเวดอน อันเป็นฟันเฟืองหนึ่งในการรณรงค์โครงการเพื่อแมลงผึ้งชุดแรกได้รับการเผยแพร่ และมีผู้พบเห็นมากกว่าสามพันล้านครั้ง
2021 การกลับมาของสุคนธกรรมชั้นสูง
ด้วยฐานะหนึ่งในผู้บุกเบิกการสรรค์สร้างน้ำหอมตามขนบสุคนธกรรมชั้นสูงหรือศิลปะชั้นสูงทางการปรุงน้ำหอม Maison Guerlain ได้ปรับตำแหน่งการวางจำหน่าย L'Art & La Matière ในฐานะคอลเลกชันผลงานอันทรงเอกลักษณ์ สะท้อนถึงความรักซึ่ง Maison Guerlain มีต่อความงดงาม และความปรารถนาที่จะยกระดับน้ำหอมให้กลายเป็นผลงานศิลปะ เนื่องในโอกาสนี้ ขวดน้ำหอมทรงจัตุรัสรุ่นปี 1870 ถูกนำมารังสรรค์ให้มีความร่วมสมัย อีกทั้งยังรองรับการเปลี่ยนรีฟิลล์
และเพื่อเป็นที่สุดแห่งความหรูหรา น้ำหอมคอลเลกชันนี้ยังมอบบริการแต่งเติมสัญลักษณ์เฉพาะบุคคลอย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่ละผลงานล้วนเปี่ยมเอกลักษณ์ เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวผู้เป็นเจ้าของไปตลอดชีวิต
2022 AQUA ALLEGORIA กับ WORLD IS OUR GARDEN
คอลเลกชันน้ำหอม Aqua Allegoria ได้รับการรังสรรค์ขึ้นใหม่เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Maison Guerlain ในการดำเนินนโยบายเพื่อความยั่งยืน ร่วมกับการสนับสนุนด้านงานสื่อสารผ่านภาพยนตร์รณรงค์ผลงานกำกับโดยยานนารธัส-แบรตรองด์ ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของทีมนักออกแบบผู้ปรุงน้ำหอม ซึ่งร่วมกันจารึกตำรับการปรุงสูตรน้ำหอมแต่ละกลิ่นขึ้นใหม่ด้วยการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติในปริมาณสัดส่วน 90% ขึ้นไป อีกทั้งยังใช้แอลกอฮอล์จากกระบวนการเกษตรอินทรีย์ ในส่วนของขวดบรรจุ ก็หันมาใช้งานออกแบบเชิงนิเวศเศรษฐกิจ รองรับการเปลี่ยนรีฟิลล์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ORCHIDÉE IMPÉRIALE GOLD NOBILE ปี 2024
หลังจากการค้นคว้ามาถึง 20 ปี Guerlain ได้รังสรรค์ Orchidée Impériale Gold Nobile และเปิดตัวเส้นทางความงามเพื่อคืนความสดใสให้แก่ผิวขึ้นมาใหม่ งานวิจัยของ Guerlain ได้สกัดเอาพลังของดอกกล้วยไม้ชั้นเยี่ยมอย่าง Gold Nobile ที่สามารถใช้เป็นตัววัดขนาดเล็กอันมหัศจรรย์ที่จะช่วยฟื้นฟู¹ การปล่อยไบโอโฟตอนในระดับที่ใกล้เคียงกับเซลล์ที่อ่อนเยาว์ได้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ Orchidée Impériale Gold Nobile จะช่วยกระตุ้น 10 สัญญาณแห่งความอ่อนเยาว์และฟื้นคืน 6 ปัจจัยแห่งแสง²